กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ คือ

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ คือ

บริการรับชำระเงินผ่าน Alipay และ Alipay+ จาก KTC นั้น เป็นบริการรับชำระเงินด้วย QR Code ผ่านเครื่องรูดบัตร EDC, ป้ายตั้ง, โมบายแอปพลิเคชัน หรือ รับชำระผ่านลิงก์ ซึ่งจะช่วยให้ร้านของคุณรองรับการรับชำระเงิน Alipay จากนักท่องเที่ยวชาวจีนได้อย่างสะดวกสบาย รวมไปถึง Alipay+ โมบายวอลเล็ตชั้นนำสำหรับนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง มาเลเซีย เกาหลีใต้ และนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น AlipayHK, Touch’n Go, KakaoPay, Gcash, ChangiPay,

Shopee Pay คือหนึ่งใน e-wallet ที่เกิดมาจากแพลตฟอร์ม e-commerce อันดับต้นๆ ในไทยอย่าง Shopee ที่ได้พัฒนาฟีเจอร์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสแกน QR code ชำระเงินตามจุดบริการ, เข้าถึงดีลและโปรโมชันต่างๆ ที่อยู่ใกล้ ณ ตอนนั้น, โปรฯ ส่งฟรีและส่วนลดเมื่อชำระเงินค่าสินค้าผ่าน Shopee, รวมถึงการจ่ายบิลค่าน้ำ ไฟ โทรศัพท์ และอื่นๆ ที่มี Shopee coin คืนมาให้ เป็นต้น

ทั้งนี้ E-Wallet มักจะมีการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน เพื่อให้สามารถเติมเงินเข้าไปในกระเป๋าเงินและนำไปใช้จ่ายได้ทันที โดยจ่ายผ่านการสแกน QR Code หรือวิธีอื่นๆ ที่ร้านค้ารองรับ นอกจากนี้ E-Wallet ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ อีก เช่น โอนเงิน ชำระบิล ซื้อสินค้าออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ คือ

ปกติแล้วพวกเรามักใช้คำว่า e-wallet และ digital wallet สลับกันไปมาเป็นเรื่องปกติ และที่จริงแล้วสองคำนี้มีแนวคิดเดียวกัน นั่นก็เพราะว่าทั้งคู่เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและจัดการสินทรัพย์ทางการเงินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่อาจแยกแยะความแตกต่างระหว่างทั้งสองคำนี้ได้ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไรนัก และใครที่ยังไม่แน่ใจว่าทั้งสองคำนั้นต่างกันอย่างไร เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นเอง

กระเป๋าเงินดิจิทัลสามารถเก็บเหรียญได้หลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับรูปแบบของ Wallet ที่คุณเลือกด้วยนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม Wallet ที่จะต้องมีการออนไลน์ในบางช่วงหรือต้องออนไลน์ ตลอดเวลา อาจจะมีความเสี่ยงของการถูกแฮ็กหรือมัลแวร์ใด ๆ ก็ตามซึ่งมันอาจทำให้คุณถูกขโมยสินทรัพย์ทั้งหมดไปในทันที ขณะเดียวกันการเก็บไว้ใน Hardware และ Paper ก็มีความเสี่ยงที่คุณอาจจะทำมันหายด้วยตนเอง ฉะนั้นการจะเลือกเก็บเหรียญในรูปแบบไหน ก็ควรพิจารณาถูกแผนสำรองอยู่เสมอรวมถึงมีการกระจายความเสี่ยงโดยเก็บไว้ในหลาย Wallet ครับ

โดยสรุปแล้ว แม้คำว่า e-wallet และ digital wallet มักใช้สลับกัน แต่ก็มีหลายคนที่อาจมองว่า digital wallet เป็นคำที่ทันสมัยและครอบคลุมกว่า เพราะชื่อเรียกนี้สะท้อนถึงความสามารถในการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลและฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายมากกว่าแค่การชำระเงินแบบเดิมๆ ซึ่งวิธีการ, ฟีเจอร์ และความสามารถเฉพาะของกระเป๋าเงินเหล่านี้ อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและเทคโนโลยีที่นำมาใช้

Hardware Wallet เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ Private Key ของคุณจะถูกเก็บไว้ใน Hardware Wallet และมันสามารถเก็บ Bitcoin จำนวนเท่าไหร่ก็ได้ กระเป๋าเงินชนิดนี้สามารถนำไปใช้ได้โดยตรงและไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากกระเป๋าเงินประเภทอื่น ๆ

ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ใช้ยังโอนเงินให้เพื่อนหรือแชร์ค่าใช้จ่ายผ่านทางแอปฯ LINE ได้อีกต่างหาก หรือจะใช้ผูกกับบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS, ชำระเงินค่าสินค้าและบริการทางออนไลน์, ผูกกับบัตรเครดิต Kbank LINE Point เพื่อรับ cashback เป็น LINE Point ที่นำมาใช้จ่ายแทนเงินสดผ่าน LINE Pay และอื่นๆ ได้อีกด้วย ส่วนใครที่ไปไต้หวันหรือญี่ปุ่นก็ใช้แอปฯ นี้ชำระเงินค่าต่างๆ ได้เช่นกัน

https://thesupperstar.com/ asii.co.th/wp-content/uploads/2022/10/Blog-e-money.jpg” alt=”กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง” />

กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง

E wallet คือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ย่อมาจาก Electronics wallet หรือ E payment ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินออนไลน์ (Mobile Wallet) หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) จะเรียกรวมกันว่า E wallet ทั้งสิ้น ซึ่งอยู่ในรูปแบบแอปพลิเคชั่นที่มีความปลอดภัยสูง แอพกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายโดยตรง หรือผ่านระบบออนไลน์ ในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากผู้ใช้งานสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างอิสระและไม่ต้องผูกกันกับบัตรใดๆ โดยการเติมเงินจากบัญชีธนาคารเข้าแอปพลิเคชั่นก็สามารถทำธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความรวดเร็วและสามารถตรวจสอบได้ง่ายอีกด้วย

mPay เป็นบริการ E wallet ที่เปิดให้บริการมานานจากค่ายโทรศัพท์มือถือ AIS ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินแบบพร้อมเพย์ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกไว้กับบัญชีได้ อีกทั้งยังสามารถทำการสแกน QR Code เพื่อใช้ชำระจ่ายสินค้าได้

AirPay คือ ระบบ E wallet ของบริษัท Sea Group ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านเกมออนไลน์ที่เรารู้จักกันดีในชื่อกรุ๊ปว่า Garena แต่ในปัจจุบันได้มีการเน้นให้บริการด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เรารู้จักกันดีว่า Shopee จึงได้ผันตัวมาเป็นช่องทางการชำระเงินที่เรียกว่า ShopeePay นั่นเอง

ด้วยความที่ e-wallet มีการเข้ารหัสและวิธีการรับรองความถูกต้องที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้ แตกต่างจากการพกเงินสดไปยังที่ต่างๆ ซึ่งอาจสูญหายหรือถูกขโมยได้ จึงทำให้ e-wallet สามารถจัดเก็บและเข้าถึงเงินได้ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ e-wallet เกือบทั้งหมดยังมีฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนก่อนการทำธุรกรรมทุกครั้ง เช่น สแกนลายนิ้วมือ หรือสแกนใบหน้าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

นอกจากนี้ หากร้านค้าใดที่ต้องการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและดึงดูดลูกค้าต่างชาติ ก็ไม่ควรพลาดการเปิดรับชำระเงินด้วย E-wallets จาก Alipay และ Alipay+ ซึ่งเป็นโซลูชันการชำระเงินสำหรับลูกค้าต่างชาติ รวมถึงสามารถชำระเงินข้ามประเทศได้อีกด้วย

โดยในปัจจุบันแอปฯ เป๋าตัง ไม่ได้เป็นแค่ e-wallet ที่ไว้ใช้สแกนจ่ายเงินค่านู่นนี่นั่นเท่านั้น แต่ยังมีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย อาทิ การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล, การซื้อทอง, ใช้สิทธิในโครงการและมาตรการต่างๆ จากรัฐ, ตรวจสอบสิทธิและเงื่อนไขการรับบริการด้านสุขภาพ, ลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้, ใช้บัตร Play เพื่อจ่ายเงินหน้าร้านหรือทางออนไลน์ รวมถึงจ่ายเงินค่ารถไฟฟ้าและทางด่วนได้ในบัตร ฯลฯ เป็นต้น